แอร์ฉลากเบอร์ 5 เหมือนกัน ประหยัดไฟเท่ากันหรือไม่? มีคำตอบ

หนึ่งในคำแนะนำเมื่อต้องเลือกซื้อแอร์คือต้องสังเกต “ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5” อันเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าดังกล่าวผ่านการทดสอบประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานตามมาตรฐานของ กฟผ. และกระทวงพลังงาน แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้นั่นคือแม้แอร์ที่คุณซื้อจะมีฉลากเบอร์ 5 ติดรับรองไว้เหมือนกัน ทว่าอัตราการประหยัดไฟกลับไม่ได้เท่ากัน แล้วแบบนี้ต้องสังเกตยังไง มาหาคำตอบกันเลย

เกณฑ์การประเมินของแอร์ฉลากเบอร์ 5 เป็นอย่างไร

ประเภทแอร์ในเมืองไทยที่นิยมใช้งานจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ แอร์แบบ Fix Speed หรือระบบปกติ และแอร์แบบ Inverter ซึ่งระบบการทำงานและเกณฑ์ที่ใช้ประเมินเพื่อระบุตัวเลขลงบนฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็จะแตกต่างกัน ดังนี้

1. แอร์ประเภท Fix Speed

เป็นระบบแอร์แบบดั้งเดิมที่ยังคงนิยมใช้งานกันอยู่ คอมเพรสเซอร์ด้านนอกทำงานด้วยอัตราคงที่ ไม่มีการเปลี่ยนความเร็วของรอบหมุน จึงสังเกตว่าเมื่ออุณหภูมิห้องได้ระดับตามค่าที่ปรับไว้คอมเพรสเซอร์จะตัดการทำงานทันที เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นค่อยกลับมาทำงานใหม่อีกครั้ง ซึ่งรูปแบบที่ใช้ในการทดสอบฉลากเบอร์ 5 จะเรียกว่า การทดสอบประสิทธิภาพแบบ EER (Energy Efficiency Ratio) หมายถึง ในระหว่างการทดสอบอุณหภูมิภายนอกจะถูกกำหนดให้อยู่ในระดับคงที่ เพื่อเปรียบเทียบอัตราส่วนระหว่างความเย็นที่ทำได้จริงกับพลังงานไฟฟ้าที่แอร์ต้องใช้งาน และค่า SEER ที่ได้ต้องไม่ต่ำกว่า 12.85 

2. แอร์ประเภท Inverter

ขณะที่แอร์แบบอินเวอร์เทอร์ตัวคอมเพรสเซอร์จะปรับรอบการทำงานอัตโนมัติตามระดับอุณหภูมิภายนอกและภายในห้อง เมื่อเซนเซอร์จับว่าอุณหภูมิห้องถึงระดับที่กำหนดไว้คอมเพรสเซอร์จะลดรอบการทำงานเพื่อรักษาระดับความเย็นแต่ไม่ใช่ตัดการทำงาน นั่นทำให้รูปแบบของการทดสอบประสิทธิภาพเพื่อรับฉลากเบอร์ 5 จาก กฟผ. จะเป็นการทดสอบตามฤดูกาล หรือที่เรียกว่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) หลักการคือ มีการนำเอาอุณหภูมิภายนอกห้องมาเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินให้เกิดความใกล้เคียงกับการใช้พลังงานจริงมากที่สุด และค่า SEER ที่ได้ต้องไม่ต่ำกว่า 15.00 นอกจากนี้ยังมีแอร์ Inverter ที่ติดโซล่าเซลล์ใช้กับแอร์อีกด้วยช่วยให้ประหยัดขึ้นไปอีก

สรุปแล้วแม้ได้ฉลากเบอร์ 5 เหมือนกันแต่ประหยัดไฟไม่เท่ากัน

จากคำอธิบายวิธีทดสอบประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะพบว่ายิ่งค่า SEER สูงมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้คุณเซฟค่าไฟได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะค่าดังกล่าวบ่งบอกถึงประสิทธิภาพจากแอร์ที่มีส่วนช่วยให้การใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยลง ซึ่งปกติแล้วแอร์ระบบ Inverter จะประหยัดไฟมากกว่าแอร์ระบบทั่วไปราว 30-40% แต่ก็แลกมาด้วยราคาเครื่องที่สูงกว่า รวมถึงมีค่าใช้จ่ายหากต้องซ่อมแซมแพงพอสมควร

เลือกซื้อแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟและคุ้มค่ามากที่สุด

เมื่อเข้าใจข้อสรุปเกี่ยวกับแอร์ฉลากเบอร์ 5 แล้ว คำถามต่อมาที่หลายคนยังสงสัยย่อมหนีไม่พ้นจะเลือกซื้อแอร์ยังไงดีให้ประหยัดไฟและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายมากสุด ลองเอาคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้งานกันได้เลย

1. เทียบความคุ้มค่าระหว่างระบบ Inverter และ Fix Speed

อย่างที่อธิบายเอาไว้ว่าการใช้แอร์ระบบ Inverter จะมีค่า SEER สูงกว่าระบบ Fix Speed หากเทียบเฉพาะการสิ้นเปลืองพลังงานแอร์ Inverter จะประหยัดค่าไฟมากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องประเมินความคุ้มค่าเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น แอร์ Inverter มีราคาสูงกว่าและค่าซ่อมแซมแพงกว่าแอร์ Fix Speed เยอะมาก 

ดังนั้นหากคุณเปิดแค่บางช่วงเวลา เช่น ตอนนอน การเลือกแอร์แบบ Fix Speed ก็อาจตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าต้องเปิดทั้งวัน วันละหลายชั่วโมง การเลือกแอร์ Inverter จะสร้างความคุ้มค่าในระยะยาวแน่นอน

2. ขนาด BTU เหมาะกับขนาดห้อง

เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การใช้งานประหยัดไฟได้ดีกว่าเดิม โดยค่า BTU หรือ British Thermal Unit คือ หน่วยสำหรับวัดพลังงานความร้อนหรือประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนออกจากห้องต่อ 1 ชั่วโมง หากเลือกแอร์ที่ขนาด BTU ต่ำ แต่ห้องใหญ่แอร์ต้องทำงานหนักแถมความเย็นก็ไม่ได้ตามต้องการ แต่ถ้าเลือกแอร์ขนาด BTU สูงเกินไปก็จะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

3. ยี่ห้อและรุ่นของแอร์

ข้อสุดท้ายอย่าลืมประเมินยี่ห้อและรุ่นของแอร์โดยดูจากค่า SEER ของฉลากแอร์เบอร์ 5 ที่ติดอยู่ รวมถึงการเลือกซื้อยี่ห้อที่มีคุณภาพ รุ่นที่ตอบโจทย์ ก็จะช่วยให้การใช้งานตรงกับจุดประสงค์ ได้ความคุ้มค่าอย่างแน่นอน และหากอยากประหยัดขึ้นอีกขั้นติดแอร์โซล่าเซลล์ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์เพราะจะช่วยประหยัดค่าไฟได้อย่างมาก

ทั้งหมดนี้คือข้อมูลของแอร์ฉลากเบอร์ 5 แม้จะได้รับฉลากเหมือนกันแต่การประหยัดไฟต่างกัน ลองประเมินตามความเหมาะสมเมื่อใช้งานแล้วซื้อกันเลย และหากสนใจแอร์พลังงานแสงอาทิตย์ โซลล่าเซลล์หรือติดโซล่าเซลล์บนหลังคาบ้านสามารถเข้ามาดูหรือสอบถามข้อมูลได้เลยที่ KuKu DC Solar Air